๑.  เปิดท้ายขายหมา

สามปีต่อมา

            สวนหลวง ร.๙  เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ผู้คนนิยมมาเที่ยว   โดยเฉพาะในยามเช้าที่อากาศสดชื่นเย็นสบาย  จะมีผู้คนมาออกกำลังกายในสวนกันอย่างคึกคัก

            ผมเพิ่งจะมีโอกาสมาสวนหลวง ร.๙  เป็นครั้งแรกในยามเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง   โดยได้มาร่วมกิจกรรมเดินวิ่งการกุศลของที่ทำงาน   ทำให้ได้รับรู้ว่ามีผู้คนมากมายที่ตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกาย    สวนแห่งนี้   นับได้ว่าการรณรงค์ ให้ประชาชานเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพตนเองของหน่วยงานต่างๆประสบความสำเร็จพอสมควร

            ที่บริเวณประตูทางเข้าออกของสวนหลวง ร.๙  เป็นถนนกว้างใหญ่ที่ทอดยาวเข้ามาจากถนนศรีนครินทร์ตรงข้างศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์    ในยามเช้าเช่นนี้  จะมีพ่อค้าแม่ค้านำสิ่งของมาขายเต็มสองฟากถนน    ผู้คนเดินขวักไขว่จับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคัก    ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มาออกกำลังกายในยามเช้า  เมื่อเสร็จธุระก็จะมาแวะซื้อของกินของใช้ติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้าน

            ที่นี่เหมือนตลาดนัดสวนจตุจักรน้อยๆ     เพียงแต่ไม่มีใครนำสัตว์มาขาย

            ผมคิดขณะที่เดินทอดน่องผ่านแผงต่างๆกลับไปยังที่จอดรถ  ทันใดนั้น  สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นรถเก๋งคันหนึ่งมีแผ่นป้ายกระดาษติดไว้บนหลังคารถเขียนไว้ว่า ขายสุนัขบางแก้ว     ด้วยความสนใจ  ผมจึงสาวเท้าเข้าไปดู

            ท้ายรถเก๋งคันดังกล่าวถูกเปิดออกกว้าง     มีกรงสุนัขขนาดไม่ใหญ่นักวางอยู่     ภายในมีลูกสุนัขขนปุกปุยลำตัวสีขาว  ใบหน้าสีน้ำตาล  เล่นหยอกล้อกันอยู่ ๒ ตัว  ข้างๆมีเด็ก ๒-๓ คนยืนมุงดูอยู่ด้วยความสนใจ     ใกล้ๆ มีผู้ปกครองเด็กกำลังยืนคุยอยู่กับคนขาย    ผมนึกขึ้นได้ว่าลูกสาวเคยบอกว่าอยากได้ลูกสุนัขอีกสักตัวไปเป็นเพื่อนเจ้าโบที่บ้าน

            โดยไม่รอช้า    ผมตัดสินใจเลือกสุนัขตัวใหญ่ที่มีท่าทางปราดเปรียวกว่ามาอุ้มไว้   หลังจากที่ตกลงราคาเสร็จ     ผมก็อุ้ม เจ้ามอม สุนัขบางแก้วเพศเมียอายุ ๒ เดือนตัวนั้นกลับมาขึ้นรถด้วยความลิงโลดใจ

            สายวันนั้น   ผมกลับถึงบ้านพร้อมกับสมาชิกใหม่อีก 1 ตัว    โดยหารู้ไม่ว่า ข้อคิดเตือนใจบทใหม่กำลังรอผมอยู่ข้างหน้า

 

Next